QR Code

LINE Official

@interhome

หน้าหลัก ฝากขายบ้าน
ฝากขายที่ดินกับเรา
ติดต่อ ฝากซิ้อ
ฝากขายบ้าน ที่ดิน
ทีมงานมืออาชีพ

ตลาดที่อยู่อาศัยปี61 ไม่โอเวอร์ซัพพลาย



ตลาดที่อยู่อาศัยปี61  ไม่โอเวอร์ซัพพลาย

ศูนย์ข้อมูลฯ ธอส. ประเมินอุปทานที่อยู่อาศัยปีหน้า  2.76 แสนหน่วย ย้ำ “ไม่โอเวอร์ซัพพลาย” ชี้อัตราดูดซับยังดี จากแนวโน้มจีดีพีปี61 โตเกิน 4%  คาด“คอนโด”กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเกือบ 8 หมื่นหน่วย พบทิศทางอสังหาฯ“รายใหญ่”ครองส่วนแบ่ง 72%  

ตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อปีมูลค่า 8 แสนล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ในงานสัมมนาทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย “ส่องอสังหาฯ 2018” วานนี้ (24 พ.ย.)บรรดาผู้ประกอบการและศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ร่วมกันประเมินสถานการณ์แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการแข่งขันปีหน้า 

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าจากตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีหน้าเติบโตเกิน 4%  ส่งผลต่อทิศทางตลาดอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยในปี 2561 จะกลับมาสดใสพอสมควร เมื่อเทียบกับปี 2559 ต่อเนื่องปี 2560 ที่มีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาฯ ทำให้ดึงดีมานด์ไปล่วงหน้า 
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ประเมินอุปทานตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2561 มีจำนวน  276,100 หน่วย  แบ่งเป็นแนวราบ 154,200 หน่วย  สัดส่วน 55.8% และอาคารชุด 121,900 หน่วย สัดส่วน 44.2%

โดยจำนวนหน่วยที่มีมากที่สุด  คือ อาคารชุด 44.1% , ทาวน์เฮ้าส์ 24.3% ,บ้านเดี่ยว 23.5%   บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 8.1%   ด้วยจำนวนซัพพลายดังกล่าวยังไม่อยู่ในภาวะล้นตลาด (โอเวอร์ซัพพลาย) เนื่องจากตลาดยังมีอัตราการดูดซับดี
คอนโดกรุงเทพฯ 8หมื่นหน่วย

 จากตัวเลขคาดการณ์ซัพพลายปีหน้า ที่จำนวน  276,100 หน่วย ประเภท แนวราบ 154,200 ยูนิต  แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 74,300 ยูนิต สัดส่วน 48.2%  ภูมิภาค จำนวน 79,900 ยูนิต สัดส่วน 51.8%
ส่วนอาคารชุด จำนวน 121,900 ยูนิต แบ่งเป็น กรุงเทพฯและปริมณฑล 79,900 ยูนิต  และ ภูมิภาค 42,000 ยูนิต
สำหรับซัพพลาย เฉพาะพื้นที่ “กรุงเทพฯและปริมณฑล” ที่จำนวนหน่วย 154,200 หน่วย ประเภท หน่วยมากที่สุด คือ  คอนโด 51.2%, ทาวน์เฮ้าส์ 29.1% , บ้านเดี่ยว 13.6%  บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 6.1%
ขณะที่ซัพพลายที่อยู่อาศัย“ภูมิภาค”ทั่วประเทศ จำนวน 121,900 หน่วย ประเภทหน่วยที่มีมากที่สุด คือ บ้านเดี่ยว 36.2%,คอนโด 34.5%,ทาวน์เฮ้าส์ 18.1%บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 11.2

ภาวะการขายหรืออัตราการดูดซับตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปีหน้า คาดว่าจะใช้เวลาเฉลี่ย 15 เดือน หากแยกเป็นบ้านแนวราบ คาดว่าจะใช้เวลาดูดซับ 17 เดือน ซึ่งใช้เวลาน้อกว่าปกติที่เฉลี่ย 19 เดือน ส่วนตลาดคอนโด คาดว่าจะใช้เวลาดูดซับ 13 เดือน โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อยที่ 12 เดือน

“ทิศทางจีดีพีเติบโตเกิน 4% ปีหน้าจะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยเติบโต ด้วยจำนวนซัพพลายที่คาดการณ์ 2.7 แสนหน่วย ยังไม่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย” 

บิ๊กอสังหาฯครองตลาด 72%

วงเสวนาหัวข้อ “อสังหาริมทรัพย์ พลังขับเคลื่อนประเทศ”  นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าธุรกิจอสังหาฯ ช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนและร่วมทุนกับผู้ประกอบการอสังหาฯ ไทยหลายราย เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตตลาดอสังหาฯไทย

ปัจจัยการขยายตัวของอสังหาฯ มาจากการเติบโตจีดีพี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น เส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมทั้งบรรยากาศความน่าลงทุนของประเทศไทย 

ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ สะท้อนได้จากส่วนแบ่งการตลาดอสังหาฯ ของผู้ประกอบการรายใหญ่ 11 ราย พบว่าปี 2555 ครองส่วนแบ่งการตลาด 53% ขณะที่ครึ่งปีแรก 2560 เพิ่มเป็น 72%
แนวโน้มผู้ประกอบการรายใหญ่ ครองตลาดอสังหาฯ มาจากสถาบันการเงินมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลงทุน มากกว่ารายเล็ก ดังนั้นการขับเคลื่อนการลงทุนตลาดอสังหาฯ หลังจากนี้ยังอยู่ในมือผู้ประกอบการรายใหญ่ต่อไป

“ทิศทางดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ จะแข็งแรงมากขึ้น เพราะได้สินเชื่อง่ายกว่ารายเล็ก”

สำหรับแนวโน้มการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ในตลาดต่างจังหวัด เชื่อว่าบ้านเดี่ยว ที่เดิมซบเซาในช่วงที่ผ่านมา ยังมีโอกาสกลับมาเติบโตได้ จากการขยายตัวของพื้นที่เมืองในต่างจังหวัด  ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ มาจากกลุ่มคอนโด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ประกาศออกมาและเริ่มก่อสร้างในขณะนี้

แสนสิริมุ่งแบรนด์ระดับโลก

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่าทิศทางขยายตัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสอดคล้องกับการเติบโตจีดีพี ซึ่งอยู่ระดับไม่สูงมาก ในขณะที่ แสนสิริวางเป้าหมายเติบโตสูงกว่าจีดีพีและภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาฯ จึงมองโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องและสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก พร้อมผลักดันให้ แสนสิริ ก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก 

ทั้งนี้ เพื่อครองความเป็นผู้นำจึงนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯ ล่าสุดร่วมมือกับ 6 พันธมิตรแบรนด์ระดับโลก ลงทุน 2,800 ล้านบาท ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก 

"เราขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกและมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่ดีในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาฯ และอาศัยพันธมิตรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาฯ ไปพร้อมๆ กัน และตอกย้ำการก้าวสู่แบรนด์ระดับโลกของแสนสิริ”

ในปี 2561 แสนสิริสนใจลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีอีก 5-6 ประเภท เพื่อสร้างการเติบโต นอกจากนี้จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าต่างประเทศไปพร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศ 25% ปีหน้าวางเป้าหมายยอดขายที่อยู่อาศัยจากลูกค้าต่างประเทศ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ 8,000 ล้านบาท 

ชูนวัตกรรม-ทำเลเจาะแนวราบ

นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตลาดอสังหาฯ มีการแข่งขันสูง ดังนั้นกลยุทธ์การเติบโตต้องมาจากการสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างจากคู่แข่ง  ที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้  จึงเลือกลงทุนธุรกิจแนวราบที่เป็นพื้นฐานของอสังหาฯ หลังจากนั้นจะขยายการลงทุนคอนโดต่อเนื่อง

ปัจจุบันต่างจังหวัด ยังเป็นตลาดอสังหาฯ ที่น่าสนใจในการลงทุนหลายทำเล จากปัจจัยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งเส้นทางรถไฟความเร็วสูง โครงการอีอีซี

กลยุทธ์การทำตลาดอสังหาฯ แนวราบที่ผ่านมา บริษัทจะวางโจทย์พัฒนาสินค้าให้เกินความคาดหวังของลูกค้า ทั้งด้านการพัฒนานวัตกรรมทาวน์เฮ้าส์  โดยเฉพาะ“ทำเล”ในเมืองและใกล้เมือง ซึ่งเป็นสำคัญในการตัดสินใจซื้อ พร้อมเสนอราคาจูงใจที่ระดับ 2 ล้านบาท  ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์และแตกต่างจากตลาด เช่น ห้องพระ โฮมเธียร์เตอร์ ห้องซักล้าง ทำให้ที่ผ่านมาการเปิดตัวโปรเจคทาวน์เฮ้าส์ของบริษัทจึงได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/782741

แบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ

บนช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ

Share On Line

คัดลอกบทความ