QR Code

LINE Official

@interhome

หน้าหลัก ฝากขายบ้าน
ฝากขายที่ดินกับเรา
ติดต่อ ฝากซิ้อ
ฝากขายบ้าน ที่ดิน
ทีมงานมืออาชีพ

อสังหาฯไทยยังทรงตัวแนะรัฐกระตุ้นบ้านมือสอง



นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (Mrs. Nalinrat Chareonsuphong,Managing Director of Nexus Property Marketing Company Limited (NEXUS)เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาคาดว่า ในช่วงที่เหลือของปีตลาดยังคงเผชิญภาวะความไม่แน่นอน ซึ่งหากดูในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก เรื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้จีนต้องลดค่าเงินหยวน และกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนจีนในตลาดต่างชาติ รวมถึงประเทศไทยด้วย อีกทั้งความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกงทำให้เกิดภาวะชะงักงันในการลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อสังหาริมทรัพย์ไทยมีราคาสูงขึ้น แต่ด้วยตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มีกลุ่มผู้บริโภคหลักคือ ผู้บริโภคภายในประเทศ ทำให้ประเมินได้ว่าผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอาจมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่เกิน 10-15% ของตลาดที่อยู่อาศัยรวมเท่านั้น แม้จะไม่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดแต่มีผลกระทบต่อตลาดทุนไทยแน่นอน

          นอกจากปัจจัยลบภายนอกประเทศแล้ว ปัจจัยภายในประเทศอย่างมาตราการ LTV และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นก็ยังเป็นปัจจัยลบที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากตั้งแต่รัฐบาลประกาศว่าจะมีการใช้มาตรการ LTV เพื่อมาสกัดการเก็งกำไรในกลุ่มนักลงทุน (โดยมีผล บังคับใช้ 1 เมษายนที่ผ่านมา) ผู้บริโภคต่างก็เร่งก่อหนี้ เพื่อให้ทัน ก่อนที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้เกิดการหดตัวลงของการอนุมัติสินเชื่อนับตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งหาก ไม่มีการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่สามารถเติบโตได้เหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

          เมื่อมาพิจารณาในส่วนของมาตรการ LTV พบว่า นับตั้งแต่มาตรการมีผลบังคับใช้ตลาดมีการชะลอตัวลงในทุก Sector ไม่ว่า จะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมในทุกระดับราคาเนื่องจากผู้ซื้อต้องพิจารณาถึงความสามารถในการกู้ของตนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการรายใหญ่-รายกลาง ต่างออกมาประกาศผล กระทบจากมาตรการที่มีต่อธุรกิจ และเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนนโยบายดังกล่าว หลายโครงการที่เปิดตัวในไตรมาส 2/2562 มีการ ปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดและมุ่งหวังยอดขายจากตลาดผู้ซื้อจริงมากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ตลาดก็ยังคงมีปัจจัยบวกมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการโดยตรงกล่าวคือ สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง ในขณะที่ผู้กู้รายย่อยก็สามารถยื่นขอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเช่นกัน อีกทั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยังเป็นรัฐบาลขั้วเดิม ทำให้เกิดความต่อเนื่องในการสานต่อนโยบายต่างๆ ทั้งทางด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ระบบขนส่งมวลชน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ

          สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี คาดว่า หลายๆ บริษัทต้องเร่งระบายสินค้าที่มีอยู่ โดยวิเคราะห์จากความต้องการที่แท้จริง เพราะการพึ่งตลาดต่างชาติอาจไม่ได้ หวือหวาเหมือนเมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดจีนและฮ่องกง และการหันไปปรับแผนการลงทุนสู่ธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ระยะยาวมากขึ้น เช่น การลงทุนในธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน หรือลงทุนในต่างประเทศ การขายที่ดินบางแปลงที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้ออกจากบริษัท หรือแม้แต่ในที่ดินที่ซื้อมาแล้วก็อาจ ปรับแผนพัฒนาโครงการจากตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการขายเป็นตลาดเพื่อการลงทุนระยะยาวมากขึ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์

30 สิงหาคม 2562

แบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ

บนช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ

Share On Line

คัดลอกบทความ