รฟม.เปิดประมูลสายสีส้ม STECร่วมชิง1.2แสนล้าน

รฟม. ชงบอร์ดอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท คาดเปิดประมูล Q4/2561 นี้ ด้าน STEC เล็งเข้าประมูลแน่นอน หลังซื้อซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินพร้อมรับพื้นที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง ปลายเดือนมิถุนายนนี้ หนุนผลงานครึ่งปีหลังโตเด่น มั่นใจรับงานใหม่แตะ 3 หมื่นล้านบาท ตามเป้า

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ดรฟม.) พิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่าเงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธา ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม (ฝั่งตะวันตก) เงินลงทุนประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท และงานเดินรถทั้งเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทางรวม 39.6 กม. ที่ใช้วงเงินลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้หากบอร์ด รฟม.อนุมัติโครงการก็จะนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) พิจารณาก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 35 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อจัดทำร่างประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในไตรมาส 4/2561 ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 3/2561

สำหรับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-บางใหญ่นั้น รฟม.จะดำเนินการออก TOR ประมูลเช่าพื้นที่ภายในสถานี 18 สถานี เป็นรูปแบบให้สัมปทานระยะยาวในช่วงปลายปีนี้ แต่ในเบื้องต้นจะเปิดให้เอกชนรายย่อยเข้ามาเช่าพื้นที่ใน 8 สถานี ที่มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมาก เช่น สถานีเตาปูน, สถานีบางใหญ่ เป็นการเช่าระยะสั้นไม่เกิน 3 ปี

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการรฟม. และมีกำหนดเปิดประมูลออกมา บริษัทก็มีความสนใจที่จะเข้าประมูลอย่างแน่นอน หลังจากช่วงที่ผ่านมามีการเข้าซื้อซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท

ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่รับเข้ามาจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง คาดว่าจะมีการส่งมอบพื้นที่อย่างเป็นทางการในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีระยะเวลาก่อสร้าง 39 เดือน

นอกเหนือจากการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐแล้วบริษัทยังให้ความสนใจงานภาคเอกชน ซึ่งมีผู้ประกอบการส่งข้อมูลโครงการเข้ามาจำนวนมาก โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณารับงาน เพื่อรักษาสัดส่วนงานระหว่างภาครัฐและเอกชนไม่ให้ต่างกันเกินไป

ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 25% จากระดับ 2 หมื่นล้านบาท ในปีก่อน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายงานใหม่อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันรับงานใหม่เข้ามาแล้ว 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะมีงานทั้งของภาครัฐและเอกชนออกมาจำนวนมาก อาจทำให้ปริมาณงานที่ได้รับเติบโตกว่าคาด อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้าหมายงานใหม่ไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากไม่แน่ใจว่าโครงการต่างๆ ที่ออกมานั้น จะสามารถนามสัญญาและบันทึกเป็นงานใหม่ได้ภายในปีนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าจะสามารถรักษา มาร์จิ้นให้อยู่ในระดับสูงได้ โดยปีนี้จะไม่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเข้ามา เพราะมีการตั้งสำรองในปี 2560 ทั้งหมดแล้ว ประกอบกับบริษัทจะพิจารณาเลือกงานที่มีขนาดใหญ่และต้องใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้าง เพื่อลดโอกาสการแข่งขันด้านราคาจาก ผู้ประกอบการรายอื่น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
25 มิถุนายน 2561