QR Code

LINE Official

@interhome

หน้าหลัก ฝากขายบ้าน
ฝากขายที่ดินกับเรา
ติดต่อ ฝากซิ้อ
ฝากขายบ้าน ที่ดิน
ทีมงานมืออาชีพ

ส่อง 10 จังหวัดรองขึ้นแท่นเมืองอสังหาขานรับ แหล่งท่องเที่ยว-ภาครัฐโหมเมกะโปรเจ็กต์



          นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมทช์ไทม์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจาก เปิดบริการธุรกิจที่ปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริหารงานขายโครงการ และรับบริหารจัดการครบวงจรตั้งแต่การสร้าง-ขาย-โอนในช่วง 1 ปีเต็มที่ผ่านมา ปัจจุบันแมทช์ไทม์มีงานในมือ 9 โครงการ กระจายทำเลในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

          ประกอบด้วย 1.โครงการบ้านเดี่ยวในโคราช มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท 2.รับงานที่ปรึกษาอีก 1 โครงการในโคราช มีรายได้จากค่าธรรมเนียม ปีละ 2.4 ล้านบาท + success fee 1% 3.บูทีคโฮม โคราช มูลค่า 200 ล้านบาท 4.บ้านเดี่ยวในฉะเชิงเทรา มูลค่า 300 ล้านบาท 5.โครงการแนวราบใน จ.ชัยภูมิ มูลค่า 200 ล้านบาท 6.คอนโดมิเนียม ทำเลแพรกษา จ.สมุทรปราการ มูลค่า 200 ล้านบาท 7.ทาวน์เฮาส์ หทัยราษฎร์ กรุงเทพฯ มูลค่า 400 ล้านบาท 8.ธุรกิจวัสดุอะลูมิเนียม 300 ล้านบาท และ 9.ทาวน์เฮาส์ บางนา-ตราด มูลค่า 240 ล้านบาท

          นายไพโรจน์กล่าวว่า แมทช์ไทม์สะสมความพร้อมในช่วง 1 ปี ปัจจุบันวางแผนลงทุนพัฒนาโครงการของบริษัทเอง ล่าสุดเพิ่งรับโอนที่ดินขนาด 10 ไร่เศษ ทำเลถนนบางนา-ตราด กม.31 เมื่อเดือนกันยายน 2562 วางแผนภายใน 9 เดือนหรือภายในปลายไตรมาส 2/63 เตรียมเปิดขายทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ "NEW BURY"

          ในด้านอัตราทำกำไร ปกติค่าเฉลี่ยวงการมีกำไรขั้นต้น 30-35% กำไรสุทธิ 15% ในขณะแมทช์ไทม์ต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เป้าหมายมีกำไรขั้นต้น 30% กำไรสุทธิยอมเฉือนเหลือ 10-12%

          กรรมการผู้จัดการแมทช์ไทม์กล่าวต่อว่า จุดเด่นของนักลงทุนในต่างจังหวัดคือมีเงินทุนสะสม จำนวนที่เหมาะสมในการเริ่มต้น 80-100 ล้านบาทขึ้นไป กับสามารถซื้อที่ดินได้ต้นทุนถูกกว่า

          ในด้านพฤติกรรมลูกค้าต่างจังหวัด พบว่า มีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่สวนทางกับตลาดกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งในภาพรวมมีปัญหาการโอนได้น้อยลงเพราะส่วนหนึ่งเจอผล กระทบจากมาตรการ LTV-loan to value หรือมาตรการบังคับเพิ่มเงินดาวน์แพง ในการขอเงินกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป ผู้พัฒนาโครงการจึงปรับโมเดลหันมาทำบ้านสั่งสร้างมากขึ้น

          ในขณะที่ลูกค้าต่างจังหวัดเป็นเรียลดีมานด์ พฤติกรรมผู้บริโภคถ้าเดินเข้าสำนักงานขายมีแนวโน้มต้องการซื้อเร็วโอนเร็ว ดังนั้นจึงนิยมซื้อบ้านพร้อมอยู่เป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าโครงการที่ทำบ้านพร้อมอยู่จะมีความได้เปรียบกว่าการแบ่งแปลง-จองกระดาษ และก่อสร้างทีหลัง

          นายไพโรจน์กล่าวถึงขนาดธุรกิจจัดสรรในต่างจังหวัดด้วยว่า พฤติกรรมคนต่างจังหวัดยังให้ความนิยมสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง ดังนั้นธุรกิจพัฒนาโครงการจึงมีมูลค่าไม่สูงมากนัก เฉลี่ยจังหวัดที่มีมูลค่าตลาดเกิน 5,000 ล้านบาทบวกลบ มีจำนวนจำกัดเพียง 20 จังหวัด

          อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นเทรนด์การเติบโตในจังหวัดรอง คำนิยามคือ มูลค่าตลาดอสังหาฯปีละ 5,000 ล้านบาท บางจังหวัดเริ่มขยับเป็น 7,000 ล้านบาท มองว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสพัฒนาเป็นมูลค่าตลาดปีละ 10,000 ล้านบาทในอนาคต

          โดยมองว่าจังหวัดหัวเมืองรองแต่มีแนวโน้มอัพเกรดการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยได้ 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคอีสานมีโคราช ขอนแก่น อุดรธานี, ภาคเหนือไล่ตั้งแต่นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน, ภาคใต้มีที่สุราษฎร์ธานี ส่วนนครศรีธรรมราชมีโอกาสโดดเด่นขึ้นมาได้

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

30 กันยายน 2562

แบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ

บนช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ

Share On Line

คัดลอกบทความ